Vibe Coding คืออะไร? มือใหม่ควรเริ่มยังไง (พร้อม Webinar ฟรีจาก TechUp🎉)
Rungsipohn Sripen
11 September 2025
Software development tips

เคยรู้สึกไหม ว่ากว่าจะหัดเขียนโค้ดเพื่อสร้างแอปได้ มันยากเย็นแสนเข็น 🤯 แค่เปิด Editor ขึ้นมาก็อยากปิด หนีไปทำอย่างอื่นแล้ว 😂
ตอนนี้วงการซอฟต์แวร์กำลังมีเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า Vibe Coding 💻✨ ซึ่งช่วยให้เราสร้างแอปง่ายๆ แบบไม่ต้องโค้ดเป็น ทำให้การสร้างเว็บไซต์หรือแอปง่ายขึ้น สนุกขึ้น และเข้าถึงได้ทั้งมือใหม่และรุ่นใหญ่
มาดูกันว่า Vibe Coding คืออะไร และถ้าอยากเริ่มต้น เราควรทำยังไงบ้าง 😎
Vibe Coding คืออะไร?
Vibe Coding คือการใช้ Generative AI เช่น GitHub Copilot, Cursor, Windsurf หรือ ChatGPT มาช่วยเขียนโค้ดแทนเรา
อ่านมาถึงตรงนี้อาจงงว่าแล้วเราทำอะไร
สิ่งที่เราทำคือบอก Requirement, อธิบาย Flow หรือให้ Feedback จากนั้นให้ AI เขียนโค้ดให้
ข้อดีคือถ้าเราสั่งงานเป็น จะเขียนโค้ดเสร็จเร็วขึ้นเพราะไม่ต้องนั่งพิมพ์เอง
ทำไม Vibe Coding ถึงน่าสนใจ
- สำหรับ มือใหม่ เป็นอะไรที่เริ่มได้ง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐานเยอะ แค่ลองเขียน HTML, CSS, JS บนเว็บฟรีอย่าง Replit หรือ CodePen
- สำหรับ สาย Dev การใช้ AI ช่วยจะทำให้งานเสร็จไวขึ้น ไม่ต้องนั่งงมเองทุกอย่างเหมือนสมัยก่อน เช่น
- เดิมเวลาเจอ Bug ที่แก้ไม่ออกสักที เราต้องนั่งอ่าน StackOverflow หลายชั่วโมง แต่ตอนนี้แค่ Copy Error ไปถาม AI มันจะอธิบายสาเหตุ และเสนอวิธีแก้ให้ทันที เหมือนมีคู่หูช่วย Debug ทำให้งานเสร็จไวขึ้น
- เวลาอยากลอง Technology ใหม่ เช่น Next.js เดิมเราต้องใช้เวลาศึกษาเอกสารยาว ๆ นาน แต่ถ้าใช้ AI แค่บอกว่า “สร้างหน้า Landing Page ด้วย Next.js พร้อมปุ่มสมัคร” เราก็จะได้โค้ดตัวอย่างที่พร้อมใช้งานทันที
- สรุปจากที่เคยนั่งงมเอง 3–4 ชั่วโมง หรือทั้งวัน จะใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที เพราะ AI ช่วยย่นระยะเวลาการ “ลองผิดลองถูก” ไปได้เยอะมาก 🚀
แต่ไม่ได้มีแต่ข้อดีนะ ยังมี ข้อควรระวัง เช่น
- โค้ดจาก AI อาจมี ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 🛡️
- การเอา Codebase ที่สร้างจาก AI ไปใช้และต่อยอด ยังไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น
-
โค้ดที่ AI เขียนอาจไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งทีมใหญ่ ใช้ Prompt ต่างกัน โค้ดก็อาจออกมาคนละสไตล์ ทำให้สุดท้าย Codebase ดูยุ่งเหยิงเหมือนหนังสือหนึ่งเล่มที่มีหลายสำนวนปนกัน
-
พอไม่ได้เป็นคนเขียนโค้ดเองอาจไม่เข้าใจโค้ดเต็มที่ เวลาเจอ Bug ต้องใช้เวลาในการไล่โค้ดเยอะ
-
อาจมี Technical Debt สะสม คือ โค้ดทำงานได้ดีในวันนี้ แต่พอระบบใหญ่ขึ้นอาจแก้ยาก เพราะไม่ได้ออกแบบเผื่ออนาคต
-
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าข้อเสียเยอะจัง ไม่ใช้ดีกว่า ที่จริงการรู้ข้อเสียเป็นผลดี ทำให้เรารู้ว่าต้องระวังประเด็นไหนบ้าง และสามารถวางแผนรับมือได้
-
ถ้าใครจะใช้ AI มาช่วยเขียนโค้ดจริง ๆ แนะนำให้
✅ วาง Coding Guideline ของทีมให้ชัด มีตัวอย่าง Prompt ชัดเจน
✅ มีคน Review โค้ดทุกครั้ง
✅ อย่า Copy-Paste แล้วปล่อยขึ้น Production ตรง ๆ ให้ทำความเข้าใจโค้ดด้วย
-
ดังนั้น Vibe Coding ดีมากถ้านำมาใช้เบื้องต้น แต่ถ้าจะเอาไปใช้จริงในธุรกิจจะต้องระวังและตรวจสอบเยอะ เรียกว่าจุดนี้เองที่ทำให้มนุษย์ยังมีงานทำ ไม่ต้องกลัว AI แย่งงานไปหมด ต่อให้มันจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ขั้นตอน Vibe Coding แบบ AI-assisted
- เขียน Requirement หรือ Flow ที่เราต้องการ
- ระบุให้ชัดเจนที่สุด จะช่วยให้ได้ผลงานตรงตามที่ต้องการ
- แนะนำว่าให้เริ่มจากงานเล็กๆ ก่อน เช่น สร้าง Landing Page ง่ายๆ หรือแอปง่ายๆ ก่อน
- ให้ AI สร้างโค้ดตามที่อธิบายไว้ในข้อ 1
- ตรวจสอบผลลัพธ์ ว่าออกมาตรงตาม Requirement ไหม มี Bug หรือไม่
- ถ้ามีจุดที่ยังไม่ตรงตามต้องการให้ Feedback กลับไปยัง AI เพื่อให้ AI ทำการแก้ไข
👉 พูดง่าย ๆ คือเรา “เป็นคนกำกับ” ส่วน AI เป็น “คนพิมพ์”
🎉 ถ้าอยากเข้าใจ Vibe Coding มากขึ้น มาหาคำตอบใน Webinar ฟรีกับ TechUp ได้นะ
สิ่งที่จะได้จาก Webinar นี้:
✅ เจาะลึกแนวคิด Vibe Coding
✅ ใช้ AI มาช่วยสร้างเกมง่ายๆ
✅ แต่งเกม ปรับรูปแบบได้เองแบบสนุกๆ
📆 วันอังคารที่ 16 กันยายน 2025
🕑 เวลา 19.00-20.00 น.
👨🏻💻 เข้าร่วมผ่าน Zoom
📍 ลงทะเบียน คลิก!
💬 สรุป
- Vibe Coding = เขียนโค้ดให้สนุกขึ้น โดยใช้ AI เป็นตัวช่วย
- เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มเขียนโค้ด และ Dev ที่อยากทำงานเสร็จไวขึ้น
- ข้อดีคือ เร็ว สนุก ง่าย 😎
- ข้อควรระวังคือเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และการ Maintain โค้ด
- ถ้าอยากลองเอง เริ่มจากการทำหน้าเว็บเล็กๆ ง่ายๆ เช่น Landing-page หรือถ้าอยากได้ไกด์ชัดๆ มาพบกันที่ Webinar ฟรี 16 ก.ย. นี้นะ 🎉
บทความที่น่าสนใจ
ดูทั้งหมด